กู้เงินจากธนาคารเพื่อมาขยายธุรกิจ ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง?

Last updated: 4 พ.ย. 2568  |  11 จำนวนผู้เข้าชม  | 

กู้เงินจากธนาคารเพื่อมาขยายธุรกิจ ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง?

อยากขยายกิจการด้วยการกู้เงินจากธนาคาร ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง?


     เจ้าของกิจการอย่างเราเวลาอยากขยายธุรกิจทั้งที ถ้าไม่ได้มีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำก็น่าจะทำได้ยาก ลำพังเงินทุนของตัวเองก็คงจะไม่มากพอ ครั้นจะไปยืมเงินคนรู้จักสมัยนี้ก็ทำได้ยาก เพราะทุกคนต่างก็มีภาระที่ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน แล้วถ้าการกู้เงินจากธนาคารเป็นคำตอบสุดท้ายของการขยายธุรกิจล่ะ เราจะต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง?


1. ประเมินตัวเองก่อนขอกู้เงิน

     อันดับแรกเราต้องประเมินตัวเองกันก่อน ว่าโปรเจคที่เราอยากทำคืออะไร ต้องใช้เงินทุนเท่าไหร่ และมีความเป็นไปได้ที่จะคืนทุนหรือไม่?

วิธีประเมินตัวเองง่าย ๆ ที่อยากแนะนำ ประกอบด้วย 3 เรื่องนี้

  • ต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่?ลิสออกมาให้หมดตั้งแต่ค่าเครื่องจักร ค่าผลิตสินค้า และเงินทั้งหลายที่ต้องจ่ายเพื่อให้โครงการนี้สำเร็จ
  • ขายให้ใคร ได้เท่าไหร่? : แม้จะลงทุนเก่ง แต่ถ้าไม่มีแผนรองรับสำหรับการขายและการตลาด เราอาจจะพลาดเสียเงินทั้งหมดไปกับการลงทุน ฉะนั้น อย่าลืมคาดการณ์ยอดขายเอาไว้ในอนาคตด้วยว่าต่อจากนี้จะมีเงินเข้ามาแต่ละปีเท่าไหร่บ้าง
  • คำนวณจุดคุ้มทุน : ลองเอาข้อมูล เงินลงทุน และรายได้มาคำนวณระยะเวลาคืนทุนง่าย ๆ ด้วยสูตรนี้
 ระยะเวลาคืนทุน = เงินลงทุน/รายได้ต่อปี 


     สมมติเราตั้งเป้าว่าอยากคืนทุนใน 5 ปี แต่พอคำนวณออกมาแล้วต้องใช้เวลาตั้ง 10 ปีถึงจะคืนทุนได้ ถ้าเป็นแบบนี้เราอาจจะต้องย้อนกลับไปทำการบ้านใหม่ เพราะสิ่งสำคัญคือเราต้องมั่นใจว่าการกู้เงินในครั้งนี้ เราจะต้องได้กำไรกลับมาเท่านั้น ไม่ใช่กู้เงินเพื่อให้ขาดทุน

2. เตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอกู้กับสถาบันการเงิน

     หลายคนที่ทำธุรกิจ SMEs มักจะไม่มีประสบการณ์การกู้เงินมาก่อน ดังนั้น เรื่องที่ทุกคนน่าจะกังวลใจที่สุดก็คือการเตรียมเอกสารอย่างไรให้ขอกู้เงินผ่านได้ง่าย

เอกสารที่ใช้ในการขอกู้ยืมเงินจะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ดังนี้

เอกสารข้อมูลทางการเงิน

     โดยส่วนใหญ่แล้วบริษัทมักจะถูกขอข้อมูลทางการเงินย้อนหลัง 2-3 ปี เพื่อประเมินความสามารถในการจ่ายชำระหนี้และดอกเบี้ยของบริษัท โดยธนาคารต่าง ๆ อาจต้องการเอกสารที่มีรายละเอียดต่างกันไป แต่จะมีข้อมูลพื้นฐานที่ต้องเตรียมไว้ล่วงหน้า ดังนี้

  • งบการเงินย้อนหลัง
  • ข้อมูลการยื่นแบบภาษี เช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • แผนธุรกิจ 

เอกสารยืนยันตัวตน เช่น

  • หนังสือรับรองบริษัท
  • แบบ บอจ.5
  • หากมีการจดทะเบียน Vat ก็ต้องมี แบบ ภ.พ.20 ด้วย

     นอกจากนี้ เมื่อตกลงวงเงินกู้ได้ ธนาคารอาจจะขอหลักฐานในการค้ำประกันวงเงิน ซึ่งก็แล้วแต่ธนาคารว่าจะให้ค้ำประกันเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของวงเงิน ยกตัวอย่างเช่น ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำ 80% ของวงเงิน หรือมีผู้ค้ำประกัน ซึ่งบริษัทอาจใช้กรรมการเป็นผู้ค้ำประกันได้

     สิ่งที่น่าหนักใจสำหรับคนทำธุรกิจ SMEs ก็คือ ถ้าไม่เคยมีงบการเงินเลย หรือมีแต่ไม่เคยอ่านงบ ไม่รู้ว่าสถานะธุรกิจเป็นอย่างไร ก็อาจจะไปอธิบายกับธนาคารยากหน่อยว่าในอนาคตเราจะสามารถจ่ายชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้จริงหรือไม่

3. อ่านสัญญาเงินกู้ให้ละเอียด 

     ถ้าเราได้รับอนุมัติการให้กู้จากธนาคารแล้ว สิ่งสำคัญที่เจ้าของธุรกิจต้องทำคือเราต้องอ่านสัญญาให้ละเอียดและรอบคอบ ซึ่งจุดสำคัญที่เราต้องเน้นเป็นพิเศษ มีดังนี้

  • เงื่อนไขการกู้ยืม : เจ้าของธุรกิจจะต้องอ่านให้ดีว่าในสัญญามีเงื่อนไขอะไรบ้าง เช่น การรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเท่าใด, การค้ำประกันวงเงิน, การกู้ร่วม, ประเภทสัญญาการกู้ยืม, ค่าธรรมเนียมการกู้ยืม และการรีไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราไม่ควรจะละเลย เพราะถ้าหากมีปัญหาภายหลังเราจะโทษใครไม่ได้เลยเพราะถือว่าเราได้เซ็นไปแล้ว
  • เงื่อนไขการผ่อนชำระ : ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก เจ้าของธุรกิจควรรู้ว่าเราจะต้องจ่ายเงินต้นงวดละเท่าไหร่, ดอกเบี้ยงวดละเท่าไหร่ และจ่ายวันไหน เพราะหากเราผิดนัดชำระ เราจะเสียประวัติทางการเงินและทำให้ครั้งต่อไปขอกู้เงินยากขึ้น ซึ่งเราสามารถขอตารางการผ่อนชำระกับธนาคารได้




ที่มา : https://flowaccount.com/blog/expand-business-by-loan/






--------------------------------------------------------------------------------------

สอบถามเพิ่มเติม

   บริษัท นคร แอคเค้าน์ติ้ง ซัพพอร์ท จำกัด

   Nakhon Accounting Support

   โทร 063-9782261 , 082-6962896

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้