กองทุนสำรองเลี้ยงชีพคืออะไร สำคัญกับมนุษย์เงินเดือนอย่างไร

Last updated: 17 ก.ย. 2568  |  45 จำนวนผู้เข้าชม  | 

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพคืออะไร สำคัญกับมนุษย์เงินเดือนอย่างไร

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คืออะไร?

     กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) คือ กองทุนที่นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันจัดตั้งขึ้นด้วยความสมัครใจ เพื่อให้ลูกจ้างมีเงินออมไว้ใช้จ่ายยามเกษียณอายุ ออกจากงาน ทุพพลภาพ หรือเป็นหลักประกันให้แก่ครอบครัวหากลูกจ้างเสียชีวิต


เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่

  • เงินสะสม : เงินที่ “ลูกจ้าง” จ่ายเข้ากองทุนเพื่อตนเอง โดยกฎหมายกำหนดให้สะสมได้ตั้งแต่ 2-15% ของเงินเดือน
  • เงินสมทบ : เงินที่ “นายจ้าง” จ่ายเข้ากองทุนให้ลูกจ้างอีกส่วน โดยกฎหมายกำหนดให้นายจ้างสมทบได้ตั้งแต่ 2-15% แต่ต้องเป็นอัตราที่ไม่ต่ำกว่าเงินสะสมของลูกจ้าง


กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จ่ายแล้วไปอยู่ที่ไหน?

     ในระหว่างที่เงินอยู่ในกองทุน จะมีมืออาชีพที่เรียกว่า “บริษัทจัดการ” หรือ “บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน” (บลจ.) นำเงินไปลงทุนในตราสารทางการเงินประเภทต่าง ๆ ที่สมาชิกกองทุนได้เลือกไว้ เช่น นโยบายการลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้น ฯลฯ เพื่อสร้างดอกผลให้กับกองทุน โดยจะนำดอกผลที่เกิดขึ้นมาเฉลี่ยให้กับสมาชิกทุกคนตามสัดส่วนของเงินที่แต่ละคนมีอยู่ในกองทุน ซึ่งดอกผลที่เกิดจากการนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนเรียกว่า “ผลประโยชน์ของเงินสะสม” และ “ผลประโยชน์ของเงินสมทบ”


กองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีประโยชน์อย่างไร?

1. สร้างวินัยในการออม

     เนื่องจากเงินสะสมที่ส่งเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพถูกหักจากเงินเดือนโดยอัตโนมัติ จึงเหมือนเป็นการสร้างวินัยในการออมด้วยการลงทุนที่สม่ำเสมอต่อเนื่องทุก ๆ เดือน ช่วยให้มีเงินออมไว้ใช้ยามเกษียณ

2. มีมืออาชีพบริหารเงินให้

     เงินสะสมที่เราส่งเข้ากองทุนรวมถึงเงินสมทบของนายจ้างจะถูกบริหารจัดกาารโดยมืออาชีพอย่าง “บริษัทจัดการ” หรือ “บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน” (บลจ.) ซึ่งมีนโยบายให้เราเลือกลงทุนได้หลากหลายตามความต้องการ เช่น นโยบายการลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้น ฯลฯ

3. โอกาสสร้างผลตอบแทนจากเงินลงทุน

     หากบริษัทจัดการบริหารกองทุนแล้วเกิดผลกำไรก็จะนำมาเฉลี่ยคืนให้กับสมาชิกตามสัดส่วนที่แต่ละคนมีอยู่ในกองทุน โดยจะเรียกดอกผลที่เกิดจากการบริหารจัดการนี้ว่า “ผลประโยชน์ของเงินสะสม” และ “ผลประโยชน์ของเงินสมทบ” ดังนั้นจึงควรเลือกกองทุนที่มีนโยบายลงทุนเหมาะสมกับความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้ เพื่อให้เงินที่เราลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทุกเดือนเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว

4. ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี

     เงินสะสมที่นำส่งเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 15% ของรายได้ และเมื่อรวมกับเงินออมเพื่อการเกษียณอายุประเภทอื่น เช่น กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) หรือเบี้ยประกันบำนาญแล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท


จะได้รับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตอนไหน?

     สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะได้รับเงินกองทุนคืนเมื่อสิ้นสุดการเป็นสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นการลาออกจากงานหรือกองทุน เกษียณอายุ รวมถึงการเสียชีวิตและทุพพลภาพ ทั้งนี้เงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสมที่จะได้รับอาจแตกต่างกันตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัท เช่น บางบริษัทอาจมีข้อกำหนดสิทธิรับเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบตามระยะเวลาการทำงาน แต่สมาชิกจะได้รับส่วนของเงินสะสมและผลประโยชน์จากเงินสะสมครบทั้งจำนวน ไม่ว่าจะอายุงานเท่าไรก็ตาม


ตัวอย่าง

     นาย A ทำงานที่บริษัท B มา 4 ปี หากลาออกจะได้รับเงินส่วนที่นายจ้างสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม (เงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบ) 50% และจะได้รับเงินในส่วนที่ตัวเองสะสมไว้ (เงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสม) 100%

     แต่ถ้านาย A ทำงานที่บริษัท B มา 8 ปี แล้วลาออก จะได้รับเงินที่ตัวเองสะสมไว้ รวมถึงเงินส่วนที่นายจ้างสมทบเต็ม 100% ทั้ง 2 ส่วน


ถ้าลาออกแล้วจะทำอย่างไรกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ?

     ในกรณีที่มีการเปลี่ยนงาน สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพยังสามารถเก็บเงินต่อเนื่องในรูปแบบเดิมได้ เช่น 

  • โอนเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทเดิมไปยังกองทุนของบริษัทใหม่ ทางเลือกนี้สามารถทำได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมหรือภาษี
  • โอนไปยังกองทุนรวมที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรับเงินโอนจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโดยเฉพาะ (RMF for PVD) ทางเลือกนี้เหมาะสำหรับคนที่ย้ายบริษัทแล้วกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทใหม่ยังไม่มีนโยบายลงทุนที่ถูกใจ รวมถึงคนที่ลาออกจากงานแล้วไปประกอบธุรกิจส่วนตัว ก็สามารถโอนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไป RMF for PVD ได้ แต่หากย้ายไปแล้วจะไม่สามารถกลับไป PVD ได้อีก

     หรือในกรณีที่ไม่ต้องการส่งเงินสะสมเข้ากองทุนแล้ว ก็สามารถคงเงินไว้ที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเดิมได้ตามระยะเวลาที่กองทุนกำหนดไว้ แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมด้วย นอกจากนี้ยังสามารถลาออกจากการเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้ แต่จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หากยังอายุไม่ครบ 55 ปีบริบูรณ์ และเป็นสมาชิกกองทุนน้อยกว่า 5 ปี

     กองทุนสำรองเลี้ยงชีพถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่สามารถช่วยเราสร้างวินัยในการออมเงินเพื่อเก็บไว้ใช้ยามเกษียณได้ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนและความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตัวเราด้วย เพื่อเพิ่มผลตอบแทนและทำให้เงินสามารถงอกเงยได้ในระยะยาวตามวัตถุประสงค์ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั่นเอง



ที่มา : https://www.finnomena.com/finnomenafunds/what-is-provident-fund/





---------------------------------------------------------------------------------------

สอบถามเพิ่มเติม : 

   บริษัท นคร แอคเค้าน์ติ้ง ซัพพอร์ท จำกัด

   Nakhon Accounting Support

   โทร : 063-9782261 , 082-6962896

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้