Last updated: 29 ธ.ค. 2568 | 59 จำนวนผู้เข้าชม |
การสั่งจ่าย-รับเช็ค! สำคัญอย่างไร ทำไมกิจการต้องรู้?
แม้ในยุคที่เราทำธุรกรรมผ่านแอปธนาคารได้เพียงปลายนิ้ว แต่ “เช็ค” ก็ยังคงเป็นหนึ่งในวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะในธุรกิจที่มีการซื้อขายสินค้าหรือบริการมูลค่าสูง เช่น การชำระค่าสินค้าระหว่างบริษัท หรือการวางเงินมัดจำงานโครงการต่าง ๆ เพราะเช็คจะช่วยลดความเสี่ยงจากการถือเงินสด และยังช่วยสร้างหลักฐานทางการเงินที่ชัดเจนได้อีกด้วย
เช็ค คืออะไร?
เช็ค (Cheque) คือ เอกสารตราสารซึ่งบุคคลที่เรียกว่า “ผู้สั่งจ่าย” สั่งให้ธนาคารจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเมื่อทวงถามให้แก่บุคคลหนึ่ง หรือให้ใช้ตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า “ผู้รับเงิน”
พูดง่าย ๆ ก็คือ “เช็ค” เป็นเครื่องมือชำระเงินอย่างหนึ่งที่ใช้แทนการถือเงินสด เมื่อผู้รับนำเช็คไปฝากหรือขึ้นเงินกับธนาคาร ธนาคารจะดำเนินการจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ในเช็คตามเงื่อนไขที่ถูกต้องและมีกำหนดเวลาชัดเจน เช็คจึงเป็นวิธีการจ่ายเงินที่นิยมในภาคธุรกิจ เพราะให้ความมั่นใจ ตรวจสอบได้ และสร้างหลักฐานทางบัญชีที่ชัดเจนกว่าการใช้เงินสดทั่วไป
ประเภทของเช็ค มีอะไรบ้าง?
เช็คสามารถออกในนามบุคคลธรรมดาหรือแบบนิติบุคคลก็ได้ โดยประเภทของเช็คสามารถแบ่งตามลักษณะของการใช้งานได้ 6 ประเภท ดังนี้
1. เช็คเงินสด หรือผู้ถือ (Cash or Bearer’s cheque)
เช็คเงินสด คือ เช็คที่มีคำว่า “เงินสด” แทนชื่อผู้รับเงิน โดยสามารถนำเช็คประเภทนี้ไปเบิกเงินสดจากธนาคารได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นใคร แต่ผู้สั่งจ่ายเช็คจะต้องมีบัญชีธนาคารเดียวกันกับธนาคารที่เป็นผู้ออกเช็คเงินสด แต่หากเงินในบัญชีของผู้สั่งจ่ายเช็คไม่เพียงพอ เมื่อผู้รับเงินจะไปเบิกเงินด้วยเช็คเงินสดใบดังกล่าว ทางธนาคารจะตีว่าเช็คเด้ง ส่งผลให้ผู้สั่งจ่ายเช็คจะมีความผิดทางกฎหมาย
2. เช็คระบุชื่อผู้รับเงิน (Order’s cheque)
เช็คที่จะต้องระบุชื่อผู้รับเงินชัดเจน เช่น “จ่ายให้ บริษัท เอบีซี จำกัด” ผู้ที่สามารถนำไปขึ้นเงินได้จะต้องเป็นบุคคลตามชื่อบนเช็คเท่านั้น แต่หากผู้รับเงินอยากจะโอนเช็คใบนี้ให้ผู้อื่นเบิกเงินสดให้แทน จะต้องเซ็นชื่อกำกับที่หลังเช็ค หรือเรียกว่า “สลักหลังเช็ค” ก่อน ผู้สั่งจ่ายเช็คและผู้รับเงินจะต้องมีบัญชีธนาคารเดียวกันกับธนาคารที่เป็นผู้ออกเช็ค
3. แคชเชียร์เช็ค (Cashier’s cheque)
แคชเชียร์เช็ค คือ เช็คที่ผู้สั่งจ่ายจะต้องจ่ายเงินสดให้กับทางธนาคารก่อน เพื่อที่ธนาคารจะเป็นผู้ออกแคชเชียร์เช็คให้ แล้วค่อยนำเช็คนั้นไปให้แก่ผู้รับเงิน และเช็คประเภทนี้จะต้องระบุจำนวนเงิน และชื่อผู้รับเงินชัดเจนจากทางธนาคาร สำหรับแคชเชียร์เช็คจะมีความเสี่ยงน้อยถ้าเทียบกับเช็คเงินสด เพราะผู้รับเงินจะได้รับเงินแน่นอน ไม่มีโอกาสที่จะเป็นเช็คเด้ง
4. เช็คของขวัญ (Gift cheque)
เช็คของขวัญ คือ เช็คที่นิยมซื้อให้เป็นของขวัญแก่ผู้อื่นในโอกาสพิเศษ โดยเราจะต้องจ่ายเงินสดให้กับทางธนาคารพร้อมจ่ายค่าธรรมเนียมก่อน เมื่อเสร็จเรียบร้อยเราจะได้เช็คของขวัญไปมอบให้แก่ผู้รับเงิน โดยเช็คของขวัญนี้สามารถระบุสั่งจ่ายเป็น “ชื่อผู้รับเงิน” หรือระบุเป็น “เงินสด” ตามความต้องการของผู้ซื้อเช็คของขวัญได้
5. เช็คเดินทาง (Traveller’s cheque)
เช็คเดินทาง คือ เช็คที่ผู้เดินทางนำหลักฐานการเดินทาง เช่น ตั๋วเครื่องบิน หรือพาสปอร์ตมาขอซื้อเช็คการเดินทางจากธนาคาร เพื่อไปขึ้นเงินสดที่ต่างประเทศ หรือใช้จ่ายแทนเงินสด
6. ดราฟต์ (Draft)
คือ ตั๋วแลกเงินสด แต่จะแตกต่างกับแคชเชียร์เช็คและเช็คเงินสด ตรงที่ผู้ซื้อดราฟต์ต้องเสียค่าธรรมเนียมการซื้อตามราคาบนหน้าดราฟต์ เช่น หนึ่งหมื่นแรกจะมีค่าธรรมเนียม 10 บาท หมื่นต่อไปอาจมีค่าธรรมเนียมหมื่นละ 5 บาท เป็นต้น ดราฟต์เช็คมีข้อดีตรงที่ผู้รับเงินจะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
การโอนเช็คและการสลักหลังเช็ค
การโอนเช็ค คือ การโอนกรรมสิทธิ์ของเช็คจากผู้รับเงินคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง โดยการโอนเช็คแบ่งตามประเภทเช็คได้ 2 แบบ ดังนี้
การสลักหลังเช็ค คือ การเขียนข้อความพร้อมกับการลงลายมือชื่อ หรือ การลงลายมือชื่ออย่างเดียวที่ด้านหลังของเช็คเพื่อแสดงถึงการโอนเช็คนั้น การสลักหลัง มี 2 แบบ ดังนี้
ข้อดี-ข้อจำกัดของการใช้เช็ค
ข้อดีของการใช้เช็ค
ข้อจำกัดของการใช้เช็ค
วิธีการเขียนเช็คที่ถูกต้อง
การกรอกข้อมูลในเช็คควรทำอย่างรอบคอบ เพราะหากระบุผิดแม้เพียงเล็กน้อยอาจทำให้เช็คนั้นไม่สามารถขึ้นเงินและถูกปฏิเสธจากธนาคารได้ โดยต้องเขียนรายละเอียดที่ต้องระบุให้ครบถ้วน ดังนี้
ข้อควรระวังในการเขียนเช็ค
วิธีขึ้นเงินเช็ค และระยะเวลาในการขึ้นเงิน
เมื่อได้รับเช็คธนาคารมาแล้ว ผู้รับเช็คควรนำไปขึ้นเงินโดยเร็วเพื่อป้องกันเช็คหมดอายุและรับเงินเข้าบัญชีทันตามกำหนด ปัจจุบันการขึ้นเงินเช็คทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นมาก เพราะใช้ระบบ Imaged Cheque Clearing and Archive System (ICAS) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งใช้ภาพเช็คแทนการใช้ตัวเช็คจริง โดยใช้เวลาภายใน 1 วันทำการ และมีวิธีขึ้นเงินเช็ค ดังนี้
1. ตรวจสอบเช็คก่อนฝาก
ตรวจสอบชื่อผู้รับ จำนวนเงิน วันที่หน้าเช็ค และลายเซ็นผู้สั่งจ่ายให้ถูกต้องครบถ้วน
2. เตรียมเอกสารยืนยันตัวตน
3. กรอกแบบฟอร์มและยื่นที่ธนาคาร
ธนาคารจะมีแบบฟอร์มให้กรอกเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการขึ้นเช็ค เมื่อกรอกครบถ้วนแล้วให้นำไปยื่นพร้อมกับเช็ค และเอกสารต่าง ๆ ที่เคาน์เตอร์ธนาคาร
4. ธนาคารเข้าสู่กระบวนการเคลียร์เช็ค (ICAS)
ธนาคารจะสแกนภาพเช็คเข้าสู่ระบบกลางของธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อยืนยันข้อมูล
5. รอผลเคลียร์เช็คและรับเงินเข้าบัญชี หรือ เงินสด
โดยทั่วไปจะได้รับเงินภายใน 1 วันทำการ หากฝากเช็คก่อนเวลาตัดยอดของแต่ละธนาคาร ถ้าเป็นเช็คเงินสดจะได้รับเงินสดทันที
หมายเหตุ : เช็คเงินสดจะต้องไปขึ้นเงินที่ธนาคารเดียวกับบัญชีธนาคารผู้สั่งจ่ายเช็คเท่านั้น
เช็คแบบ A/C Payee Only ผู้รับเงินจะต้องเป็นคนที่ระบุตามหน้าเช็คและรับเป็นเงินโอนเข้าบัญชีได้อย่างเดียวเท่านั้น และไม่สามารถโอนสิทธิ์ให้คนอื่นได้
ถ้า "เช็คเด้ง" จะเกิดอะไรขึ้น?
เช็คเด้ง คือ เช็คที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อผู้รับเช็คนำเช็คไปขึ้นเงินกับธนาคาร โดยสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
เช็คธนาคารยังคงเป็นช่องทางการชำระเงินที่สำคัญในหลายธุรกรรม โดยเฉพาะกรณีที่ต้องการหลักฐานชัดเจนและความน่าเชื่อถือระหว่างคู่ค้า แม้วิธีใช้จะไม่ซับซ้อน แต่จำเป็นต้องตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ ให้ถูกต้อง เช่น วันที่, จำนวนเงิน และลายเซ็น รวมถึงนำเช็คไปขึ้นเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น อย่างเช็คเด้ง หรือเช็คหมดอายุ
ที่มา : https://flowaccount.com/blog/biz-cheque/
--------------------------------------------------------------------------------------
สอบถามเพิ่มเติม
บริษัท นคร แอคเค้าน์ติ้ง ซัพพอร์ท จำกัด
Nakhon Accounting Support
โทร 063-9782261 , 082-6962896
24 ธ.ค. 2568
18 ธ.ค. 2568
25 ธ.ค. 2568