ผู้มีรายได้ต้องรู้ ถ้าไม่อยากโดนภาษีย้อนหลัง!

Last updated: 7 ส.ค. 2568  |  62 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ผู้มีรายได้ต้องรู้ ถ้าไม่อยากโดนภาษีย้อนหลัง!

     เชื่อว่าคนทำธุรกิจทุกคน คงไม่อยากโดน “ภาษีย้อนหลัง” หรือโดนเรียกเก็บภาษีจากทางสรรพากรย้อนหลังหลายปีแน่นอน เพราะการจ่ายภาษีย้อนหลังนั้น จะมาพร้อมกับค่าปรับที่สูงขึ้นตามเพดานภาษี โดยเฉพาะการถูกสันนิษฐานจากสรรพากรว่าเรามีการหลีกเลี่ยงภาษีและไม่แสดงรายได้ หรือจ่ายภาษีไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ดังนั้นเราจึงควรศึกษารายละเอียดและวางแผนการยื่นภาษีให้ดี เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าปรับและเงินเพิ่มตามมาในภายหลัง

 

 

ภาษีย้อนหลังคืออะไร?

     ภาษีย้อนหลัง คือ ภาษีที่กรมสรรพากรเรียกเก็บย้อนหลังจากผู้มีหน้าที่เสียภาษี เนื่องจากพบว่ามีการไม่ยื่นแบบภาษี, ยื่นแบบไม่ถูกต้อง, ปกปิดรายได้, แจ้งรายจ่ายเกินจริง หรือมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี ในช่วงเวลาภาษีที่ผ่านไปแล้ว

 

 

ขั้นตอนการตรวจสอบ ภาษีย้อนหลัง ของกรมสรรพากร

  • ยึดตามเอกสาร หรือใบ 50 ทวิ ที่ทางบริษัทส่งให้กับทางกรมสรรพากร
  • มีรายการโอนเงินเข้าบัญชีจำนวนมากกว่า 3,000 ครั้ง/ปี โดยไม่ดูจำนวนเงิน
  • มีเงินเข้าบัญชี 400 ครั้ง/ปี และจำนวนรวมมากกว่า 2 ล้านบาท
  • การใช้บัตรเครดิต ที่แสดงข้อมูลด้านการทำธุรกรรมต่าง ๆ
  • การใช้ระบบ Big Data & Data Analytics
  • การตรวจสอบผ่านเมนูหรือการแจ้งเบาะแสผ่านทาง www.rd.go.th
  • การดึงข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมถึง Web Scraping

     หมายเหตุ : ในกรณีที่ธนาคารหรือผู้ให้บริการทางการเงินอิเล็กทรอนิกส์ส่งข้อมูลทางการเงินให้กับสรรพากร จะเรียกว่า “ธุรกรรมลักษณะเฉพาะ” นอกจากนี้ ยังมีการสุ่มตรวจตามกิจการต่าง ๆ ของทางกรมสรรพากรด้วย เช่น ร้านอาหาร ที่ทางกรมสรรพากรจะลงพื้นที่ด้วยตัวเอง และนำข้อมูลมาใช้คำนวณรายได้ในแต่ละวันของกิจการ เป็นต้น

 

 

     โดยปกติแล้วหากโดนภาษีย้อนหลัง จะสามารถคิดย้อนหลังได้ 2 ปี แต่หากพบความผิดปกติและเข้าข่ายว่าตั้งใจหรือลบเลี่ยงการเสียภาษี ทางกรมสรรพากรจะมีสิทธิตรวจสอบย้อนหลังได้ถึง 5 ปี ซึ่งผู้ที่เคยเสียภาษีอยู่แล้ว เช่น มนุษย์เงินเดือน ทางสรรพากรมีสิทธิตรวจสอบย้อนหลังได้นานสูงสุดถึง 10 ปี ทั้งยังมีสิทธิเรียกดูรายการเดินบัญชี (Statement) ได้ด้วย

 

เบี้ยปรับหากโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง

 

 

1. กรณียื่นแบบภาษีทันกำหนด แต่ชำระหรือจ่ายภาษีไม่ครบ
  • หากยื่นแบบทันแต่ชำระไม่ครบ ต้องชำระค่าปรับภาษีย้อนหลัง 0.5 – 1 เท่า ของค่าภาษีที่ต้องจ่าย
  • เสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน ของภาษีที่ต้องจ่าย โดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดให้ยื่นแบบจนถึงวันที่จ่ายครบ

2. หลีกเลี่ยงหรือไม่ได้ยื่นแบบภายในระยะเวลาที่กำหนด

  • มีโทษปรับทางอาญาสูงสุดอยู่ที่ 2,000 บาท
  • เสียค่าปรับหรือเบี้ยปรับจากภาษีย้อนหลัง 1 – 2 เท่า จากภาษีที่ต้องจ่าย
  • เสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน ของภาษีที่ต้องจ่าย โดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดให้ยื่นแบบจนถึงวันที่จ่ายครบ

3. เจตนาละเลยไม่ยื่นแบบภาษีภายในกำหนด เพื่อเลี่ยงภาษี

  • มีโทษปรับทางอาญาสูงสุด 200,000 บาท หรือจำคุก 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • เสียเบี้ยปรับภาษีย้อนหลัง 2 เท่า จากอัตราภาษีที่ต้องจ่าย
  • เสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน ของภาษีที่ต้องจ่าย โดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดให้ยื่นแบบจนถึงวันที่จ่ายครบ
4. ตั้งใจหรือจงใจหนีภาษี
  • มีโทษปรับทางอาญาตั้งแต่ 2,000 – 200,000 บาท หรือจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน – 7 ปี
  • เสียค่าปรับภาษีย้อนหลัง 2 เท่า จากอัตราภาษีที่ต้องจ่าย
  • เสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน ของภาษีที่ต้องจ่าย โดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดให้ยื่นแบบจนถึงวันที่จ่ายครบ



 

แล้วต้องทำยังไงถึงจะไม่โดนภาษีย้อนหลัง?

     ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล สิ่งที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมคือการทำความเข้าใจกับภาษีแต่ละชนิด และเตรียมเอกสารหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุม เพื่อนำไปคำนวณอัตราภาษีและยื่นภาษีอย่างได้ถูกต้อง ซึ่งแนวทางป้องกันไม่ให้โดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังมีดังนี้

1. ทำความเข้าใจภาษีแต่ละชนิดให้ละเอียด

  • ภาษีเงินได้นิติบุคคลฯ โดยจะคิดจากกำไรของผลประกอบการประจำปี
  • ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เช่น ค่าจ้าง ค่าเช่า ค่าบริการ ฯลฯ
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT โดยทุกธุรกิจจะต้องมีการยื่นรายงานภาษีมูลค่าเพิ่มทุกเดือน
  • อากรแสตมป์ หรือภาษีที่ต้องชำระเมื่อมีการทำสัญญาใด ๆ ก็ตาม อาทิ สัญญาเช่า
  • ภาษีธุรกิจเฉพาะ หรือภาษีสำหรับธุรกิจบางประเภท ที่จะมีอัตราภาษีที่ต่างกันออกไป

2. ชำระภาษีให้ถูกต้อง และครบถ้วนทุกรายการ

     หากไม่อยากเผชิญกับการโดนภาษีย้อนหลัง ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล สิ่งที่ต้องทำก็คือการชำระภาษีให้ครบถ้วนและถูกต้องตามการประกอบกิจการ หรือการทำธุรกิจใด ๆ ก็ตาม เช่น หากเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หรือ YouTuber ต้องเตรียมความพร้อมทั้งรายการเดินบัญชี (Statement) และรายการใบสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ หรืออาจจะใช้ใบบันทึกที่ทำไว้เองก็ได้ (สำหรับการหักค่าใช้จ่ายจริง)

3. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาทางออกและการยื่นภาษีอย่างถูกต้อง

     ในบางครั้งเรื่องภาษีอาจจะดูยุ่งยากและมีรายละเอียดต่าง ๆ ที่ซับซ้อน เพราะฉะนั้นอาจจะเลือกหาทางออกด้วยการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีโดยตรง หรือสรรพากรเขตพื้นที่ที่ธุรกิจจัดตั้งอยู่ เพราะโดยปกติแล้วทางกรมสรรพากรจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือการออกกฎหมายใหม่อยู่ตลอดเวลา ดังนั้น จึงต้องศึกษากฎและระเบียบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เข้าใจและลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต เช่น การโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง เนื่องจากยื่นเอกสารไม่ครบถ้วนและถูกต้อง เป็นต้น




--------------------------------------------------

    บริษัท นคร แอคเค้าน์ติ้ง ซัพพอร์ท จำกัด

   Nakhon Accounting Support

   063-9782261 , 082-6962896  


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้