Last updated: 7 ส.ค. 2568 | 62 จำนวนผู้เข้าชม |
เชื่อว่าคนทำธุรกิจทุกคน คงไม่อยากโดน “ภาษีย้อนหลัง” หรือโดนเรียกเก็บภาษีจากทางสรรพากรย้อนหลังหลายปีแน่นอน เพราะการจ่ายภาษีย้อนหลังนั้น จะมาพร้อมกับค่าปรับที่สูงขึ้นตามเพดานภาษี โดยเฉพาะการถูกสันนิษฐานจากสรรพากรว่าเรามีการหลีกเลี่ยงภาษีและไม่แสดงรายได้ หรือจ่ายภาษีไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ดังนั้นเราจึงควรศึกษารายละเอียดและวางแผนการยื่นภาษีให้ดี เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าปรับและเงินเพิ่มตามมาในภายหลัง
ภาษีย้อนหลังคืออะไร?
ภาษีย้อนหลัง คือ ภาษีที่กรมสรรพากรเรียกเก็บย้อนหลังจากผู้มีหน้าที่เสียภาษี เนื่องจากพบว่ามีการไม่ยื่นแบบภาษี, ยื่นแบบไม่ถูกต้อง, ปกปิดรายได้, แจ้งรายจ่ายเกินจริง หรือมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี ในช่วงเวลาภาษีที่ผ่านไปแล้ว
ขั้นตอนการตรวจสอบ ภาษีย้อนหลัง ของกรมสรรพากร
หมายเหตุ : ในกรณีที่ธนาคารหรือผู้ให้บริการทางการเงินอิเล็กทรอนิกส์ส่งข้อมูลทางการเงินให้กับสรรพากร จะเรียกว่า “ธุรกรรมลักษณะเฉพาะ” นอกจากนี้ ยังมีการสุ่มตรวจตามกิจการต่าง ๆ ของทางกรมสรรพากรด้วย เช่น ร้านอาหาร ที่ทางกรมสรรพากรจะลงพื้นที่ด้วยตัวเอง และนำข้อมูลมาใช้คำนวณรายได้ในแต่ละวันของกิจการ เป็นต้น
โดยปกติแล้วหากโดนภาษีย้อนหลัง จะสามารถคิดย้อนหลังได้ 2 ปี แต่หากพบความผิดปกติและเข้าข่ายว่าตั้งใจหรือลบเลี่ยงการเสียภาษี ทางกรมสรรพากรจะมีสิทธิตรวจสอบย้อนหลังได้ถึง 5 ปี ซึ่งผู้ที่เคยเสียภาษีอยู่แล้ว เช่น มนุษย์เงินเดือน ทางสรรพากรมีสิทธิตรวจสอบย้อนหลังได้นานสูงสุดถึง 10 ปี ทั้งยังมีสิทธิเรียกดูรายการเดินบัญชี (Statement) ได้ด้วย
เบี้ยปรับหากโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง
2. หลีกเลี่ยงหรือไม่ได้ยื่นแบบภายในระยะเวลาที่กำหนด
3. เจตนาละเลยไม่ยื่นแบบภาษีภายในกำหนด เพื่อเลี่ยงภาษี
แล้วต้องทำยังไงถึงจะไม่โดนภาษีย้อนหลัง?
ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล สิ่งที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมคือการทำความเข้าใจกับภาษีแต่ละชนิด และเตรียมเอกสารหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุม เพื่อนำไปคำนวณอัตราภาษีและยื่นภาษีอย่างได้ถูกต้อง ซึ่งแนวทางป้องกันไม่ให้โดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังมีดังนี้
1. ทำความเข้าใจภาษีแต่ละชนิดให้ละเอียด
2. ชำระภาษีให้ถูกต้อง และครบถ้วนทุกรายการ
หากไม่อยากเผชิญกับการโดนภาษีย้อนหลัง ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล สิ่งที่ต้องทำก็คือการชำระภาษีให้ครบถ้วนและถูกต้องตามการประกอบกิจการ หรือการทำธุรกิจใด ๆ ก็ตาม เช่น หากเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หรือ YouTuber ต้องเตรียมความพร้อมทั้งรายการเดินบัญชี (Statement) และรายการใบสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ หรืออาจจะใช้ใบบันทึกที่ทำไว้เองก็ได้ (สำหรับการหักค่าใช้จ่ายจริง)
3. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาทางออกและการยื่นภาษีอย่างถูกต้อง
ในบางครั้งเรื่องภาษีอาจจะดูยุ่งยากและมีรายละเอียดต่าง ๆ ที่ซับซ้อน เพราะฉะนั้นอาจจะเลือกหาทางออกด้วยการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีโดยตรง หรือสรรพากรเขตพื้นที่ที่ธุรกิจจัดตั้งอยู่ เพราะโดยปกติแล้วทางกรมสรรพากรจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือการออกกฎหมายใหม่อยู่ตลอดเวลา ดังนั้น จึงต้องศึกษากฎและระเบียบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เข้าใจและลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต เช่น การโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง เนื่องจากยื่นเอกสารไม่ครบถ้วนและถูกต้อง เป็นต้น
--------------------------------------------------
บริษัท นคร แอคเค้าน์ติ้ง ซัพพอร์ท จำกัด
Nakhon Accounting Support
063-9782261 , 082-6962896
5 ส.ค. 2568
1 ส.ค. 2568