กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง กฎหมายใหม่ที่นายจ้าง-ลูกจ้างต้องรู้

Last updated: 25 ก.ย. 2568  |  117 จำนวนผู้เข้าชม  | 

กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง กฎหมายใหม่ที่นายจ้าง-ลูกจ้างต้องรู้

นายจ้าง-ลูกจ้างต้องรู้! "กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง" กฎหมายใหม่ที่กำหนดให้สถานประกอบการ

ที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อสร้างหลักประกันทางการเงินให้แก่พนักงาน

พร้อมเริ่มบังคับใช้ตุลาคม 2569 เป็นต้นไป

----------------------------------------------------------------------------


กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างคืออะไร?

     กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง (Employee Welfare Fund) จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานเพื่อเป็นหลักประกันและสวัสดิการให้พนักงาน กรณีที่ต้องออกจากงาน ไม่ว่าจะเป็นการลาออก ถูกเลิกจ้างหรือเกษียณอายุ เพื่อให้ลูกจ้างมีเงินทุนสำรองไว้ใช้จ่ายในช่วงที่ขาดรายได้ เป็นหลักประกันทางการเงินที่ภาครัฐกำหนดให้นายจ้างต้องจัดหาให้กับลูกจ้าง

     กองทุนสงเคราะห์อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โดยมีข้อบังคับว่าต้องให้ลูกจ้างส่งเงินสะสมเข้ากองทุนเป็นจำนวนเงิน 0.25% ของค่าจ้าง รวมกับเงินสมทบจากฝั่งนายจ้างอีก 0.25% รวมเป็น 0.50% ต่อเดือน 


ตัวอย่างการคำนวณกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง



บริษัทไหนบ้างที่ต้องเข้าร่วมกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง?

  • เป็นสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป
  • สถานประกอบการนั้นไม่ได้จัดให้มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)
  • กรณีที่บริษัทมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่แล้ว แต่มีพนักงานบางส่วนที่ไม่ได้เข้าร่วม (เช่น พนักงานที่ยังไม่ผ่านการทดลองงาน หรือพนักงานที่เลือกจะไม่เข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเอง) นายจ้างมีหน้าที่ต้องให้พนักงานกลุ่มนั้นเข้าเป็นสมาชิกของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างแทน



บริษัทไหนบ้างที่ไม่ต้องเข้าร่วมกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ?

  • กิจการที่มีลูกจ้างน้อยกว่า 10 คน
  • กิจการที่นายจ้างได้จัดให้ลูกจ้างทุกคนเป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ก่อนแล้ว
  • กิจการบางประเภทที่ได้รับการยกเว้น เช่น ลูกจ้างในมูลนิธิ สมาคม งานบ้าน งานที่ไม่แสวงหาผลกำไร หรือโรงเรียนเอกชน (เฉพาะส่วนของผู้อำนวยการ ครูและบุคลากรทางการศึกษา)
  • บริษัทที่นายจ้างมีการจัดให้มีการสงเคราะห์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงกำหนด




     อย่างไรก็ตาม กิจการเหล่านี้สามารถยื่นความประสงค์เพื่อเข้าร่วมกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างโดยความสมัครใจได้ โดยการให้นายจ้างยื่นแบบ สกล.3/1 หรือแบบฟอร์มแสดงรายชื่อลูกจ้าง สำหรับกิจการที่ลูกจ้างไม่ได้อยู่ในบังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานก็สามารถเข้าร่วมกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้


สำหรับนายจ้างต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

  • ขึ้นทะเบียน : ยื่นแบบฟอร์มเพื่อขึ้นทะเบียนนายจ้างและลูกจ้างกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โดยแบบฟอร์มที่ใช้ได้แก่ สกล.3, สกล.3/1, สกล.3/2 และ สกล.4 
  • หักเงินสะสม : เริ่มหักเงินเดือนของลูกจ้างตามอัตราที่กฎหมายกำหนด (0.25%)
  • จ่ายเงินสมทบ : เตรียมงบประมาณสำหรับจ่ายเงินสมทบในส่วนของนายจ้างในอัตราที่เท่ากัน (0.25%)
  • นำส่งเงิน : นำส่งเงินสะสมและเงินสมทบ พร้อมยื่นแบบรายการแสดงรายชื่อลูกจ้าง (สกล.3) ไปยังสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานประจำจังหวัด ภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน
  • แจ้งลูกจ้าง : แจ้งรายละเอียดและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น บัญชีธนาคาร ฯลฯ ให้ลูกจ้างทราบภายในระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน หลังจากเริ่มนำส่งเงินเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง



ลูกจ้างจะได้เงินจากกองทุนเมื่อไหร่ ?

     ตามกฎแล้วกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างจะจ่ายเงินคืนให้ลูกจ้างเมื่อความเป็นลูกจ้างสิ้นสุดลงในทุกกรณี โดยลูกจ้างจะได้รับ "เงินสะสม" (ส่วนของตนเอง) และ "เงินสมทบ" (ส่วนของนายจ้าง) ทั้งหมด ซึ่งครอบคลุมกรณีต่าง ๆ ดังนี้

  • กรณีลูกจ้างลาออก
  • กรณีลูกจ้างถูกเลิกจ้างในทุกกรณี เช่น ถูกไล่ออกจากงาน, สิ้นสุดสัญญาจ้างตามวาระ ฯลฯ
  • กรณีลูกจ้างเกษียณอายุ
  • กรณีลูกจ้างเสียชีวิต (เงินที่ส่งเข้ากองทุนทั้งหมดจะถูกส่งมอบให้แก่ทายาทหรือผู้รับผลประโยชน์ที่ระบุไว้)




การส่งเงินเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างมีหลักเกณฑ์อย่างไร ?

     หลักเกณฑ์การนำส่งเงินเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ระยะ เพื่อให้ธุรกิจได้ค่อย ๆ เริ่มปรับตัว ดังนี้

  • ระยะที่ 1 : เริ่มต้นตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2569 - 30 กันยายน 2573                                  ในแต่ละเดือนลูกจ้างจะต้องจ่าย "เงินสะสม" 0.25% ของค่าจ้าง และนายจ้างจ่าย "เงินสมทบ" 0.25% ของค่าจ้าง
  • ระยะที่ 2 : ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2573 เป็นต้นไป                                                      ลูกจ้างจะต้องจ่าย "เงินสะสม" 0.50% ของค่าจ้าง และนายจ้างจ่าย "เงินสมทบ" 0.50% ของค่าจ้าง



     ซึ่งนายจ้างมีหน้าที่หักเงินและนำส่งแบบพร้อมเงินสมทบภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป และต้องทำการแจ้งให้ลูกจ้างทราบถึงข้อมูลของบัญชีธนาคาร ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่ที่มีการหักเงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างครั้งแรก

     *ทั้งนี้ระยะเวลาของการเริ่มบังคับใช้กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับการออกกฏระเบียบของกระทรวงแรงงาน




ที่มา : https://flowaccount.com/blog/employee-welfare-fund/





-----------------------------------------------------------------------------------

สอบถามเพิ่มเติม :

  บริษัท นคร แอคเค้าน์ติ้ง ซัพพอร์ท จำกัด

  Nakhon Accounting Support

  โทร 063-9782261 , 082-6962896

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้