Last updated: 22 ต.ค. 2568 | 15 จำนวนผู้เข้าชม |
6 ความผิดพลาดทางการเงินที่ SME ต้องระวังไว้
สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น มักจะมีปัญหาทางการเงินเข้ามาให้เจ้าของธุรกิจต้องคอยรับมืออยู่ตลอดเวลา และแม้จะระมัดระวังเป็นอย่างดีแต่ด้วยความเป็นมือใหม่ก็อาจจะทำให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ซึ่งรู้กันดีว่าความผิดพลาดด้านการเงินนั้น คือหนทางแห่งความลำบากในการทำธุรกิจ สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงินในการทำธุรกิจ ลองทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผิดพลาดเหล่านี้ดูเพื่อหาหนทางให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไปได้ โดยข้อผิดพลาดที่ผู้ประกอบการมักพบอยู่บ่อย ๆ ได้แก่
1. ใช้จ่ายมากเกินไป
อาจไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อเรามีเงินมากขึ้นแล้วจะซื้อกาแฟเพิ่มจากวันละ 1 แก้วเป็น 2 แก้ว ไปร้านอาหารบ่อยขึ้น หรือซื้อของใช้ส่วนตัวให้ตัวเองมากขึ้น แต่อย่าลืมว่าทุกค่าใช้จ่ายที่เราเสียไป เท่ากับเงินที่เหลืออยู่ค่อยๆ ลดลง แค่เราใช้จ่ายมากขึ้นสัปดาห์ละ 500 บาท ก็เท่ากับเงินเก็บหายไปปีละประมาณ 26,000 บาทแล้ว ยิ่งเป็นการทำธุรกิจที่เงินทุกบาทมีความสำคัญต่อความอยู่รอดมาก ๆ ยิ่งต้องคิดให้รอบคอบก่อนจะจ่ายเงินออกไป
2. รายจ่ายที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ลองดูว่าในธุรกิจของคุณมีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและต้องจ่ายตลอดทุกเดือนหรือไม่ เช่น ค่าเคเบิล ค่าสมาชิกต่าง ๆ ซึ่งจ่ายไปแล้วเหมือนเราจะได้เป็นเจ้าของ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย หรือค่าโทรศัพท์รายเดือนที่ใช้จ่ายไม่เคยถึงยอดขั้นต่ำ เพราะค่าใช้จ่ายเหล่านี้เราต้องจ่ายไปเรื่อย ๆ ทุกเดือน หากจ่ายไปแล้วธุรกิจไม่ได้รับประโยชน์อะไร ก็ควรพิจารณาตัดรายจ่ายเหล่านั้นออกไป หรืออย่างค่าโทรศัพท์ก็เปลี่ยนเป็นระบบเติมเงินแทน เป็นต้น
3. นำเงินในอนาคตมาใช้
ในปัจจุบันการใช้เงินผ่านบัตรเครดิตนั้นถือเป็นเรื่องปกติมาก แต่ถ้าหากว่าเรายังไม่มีความพร้อมในการชำระเงิน และไม่พร้อมที่จะใช้ระบบหักเงินผ่านบัญชีธนาคาร ก็ไม่ควรใช้บัตรเครดิต เพราะว่าหากชำระไม่ทันหรือค้างชำระ จะพบว่าดอกเบี้ยของบัตรเครดิตนั้นโหดร้ายมาก ยิ่งติดไว้หลายเดือนก็ยิ่งแย่และส่งผลกระทบเชิงลบต่อสภาพการเงินของธุรกิจอย่างแน่นอน
4. สร้างออฟฟิศหรูเกินไป
การมีออฟฟิศขนาดใหญ่และตกแต่งอย่างหรูหรา ย่อมเป็นภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร แต่ถ้าออฟฟิศมีขนาดใหญ่เกินไป ค่าตกแต่งก็ย่อมสูงตามไปด้วย ไหนจะค่าเช่ารายเดือน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบำรุงรักษาสิ่งของต่าง ๆ อีก ดังนั้นคิดให้ดีว่าธุรกิจของเราเหมาะหรือจำเป็นที่จะต้องลงทุนขนาดนั้นหรือไม่
5. ไม่เคยปรึกษาผู้รู้หรือนักบัญชี
เรื่องการทำบัญชีเป็นเรื่องน่าเวียนหัวสำหรับผู้ประกอบการที่ไม่มีความถนัดด้านนี้ ทั้งที่หากมีการจัดการด้านบัญชีที่ดี ผลการวิเคราะห์ทางบัญชีก็จะช่วยให้เห็นข้อบกพร่องและทำให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ดังนั้นหากธุรกิจของเราเจอปัญหาด้านบัญชีที่ค่อนข้างหนัก หรือไม่มั่นใจในการทำบัญชีของตัวเอง ลองปรึกษานักบัญชีมืออาชีพก็จะช่วยให้ธุรกิจของคุณราบรื่นมากยิ่งขึ้น
6. ไม่มีแผนและไม่รู้จักอดออม
ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ขาดการวางแผนที่ดี เช่น ไม่ได้วางแผนว่าจะขยายธุรกิจอย่างไร ไม่มีแผนระยะสั้นและระยะยาว เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อวัตถุดิบมาผลิต และนำไปขาย วนเวียนไปแบบนี้เรื่อย ๆ เพราะบางคนเชื่อว่าการนำเงินไปฝากนั้นจะได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำไม่คุ้มค่าเท่ากับการลงทุนในสินค้าเพื่อนำไปขายต่อ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดอกเบี้ยธนาคารในเมืองไทยจะไม่สูงมากนัก แต่ผู้ประกอบการต้องรู้จักอดออมเพื่อนำเงินไปลงทุน หรือนำเงินไปวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อต่อยอดให้กับธุรกิจ ดังนั้น การมีวิสัยทัศน์ การวางแผนให้กับธุรกิจ และการเก็บรักษาเงิน จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำไปพร้อม ๆ กัน และอีกเหตุผลหลักก็คือ หากเราไม่มีเงินสะสมเอาไว้ในกรณีฉุกเฉิน ก็จะไม่สามารถรับมือกับเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแบบไม่คาดคิดได้ เช่น ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หรือการปรับอัตราเงินเดือนลูกจ้างแบบกะทันหันของรัฐบาล เป็นต้น
ที่มา : https://shorturl.asia/ZdBGc
--------------------------------------------------------------------------------------
สอบถามเพิ่มเติม :
บริษัท นคร แอคเค้าน์ติ้ง ซัพพอร์ท จำกัด
Nakhon Accounting Support
โทร 063-9782261 , 082-6962896
20 ต.ค. 2568