เงินเดือนเท่าไร ถึงต้องเสียภาษี

ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่ายื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กับการจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้นเป็นคนละตัวกัน โดยเรื่องนี้หลายๆท่านไม่ทราบกัน เพราะถึงแม้ว่ารายได้จะถึงเกณฑ์ที่ต้องยื่นแบบแล้วแต่ไม่ได้หมายความว่าท่านจะต้องเสียภาษีนั้นก็เพราะว่าปัจจุบันมีผู้จ่ายภาษีจริงๆ แค่ 4 ล้านราย ส่วนผู้ที่ยื่นแบบให้กรมสรรพากรมีประมาณประมาณ 11 ล้านราย แต่ท่านผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าแล้วทำไมเราต้องไปยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาละ หากไม่ยื่นมีผลอย่างไร และมีหลักเกณฑ์อย่างไรต่างกับการเสียภาษีอย่างไรเราไปดูกัน…

หลักเกณฑ์ยื่นแบบภาษี เงินเดือนเท่าไร ถึงต้องยื่นแบบภาษี
เรื่องการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น โดยปกติแล้วถึงแม้ว่ารายได้ของท่านผู้อ่านจะไม่ถึงเกณฑ์ที่ภาครัฐบาลกำหนดที่ต้องจ่ายภาษี แต่ทุกๆท่านที่ได้รับเงินเดือนหากมีรายได้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ ก็จำเป็นต้องยื่นแบบให้สรรพากรทราบอยู่ดี ตัวอย่างเช่น

พนักงานประจำ

รายได้ต่อเดือนของท่านเกิน 10,000 บาทต่อเดือน เมื่อรวมรายได้ต่อปีเกินหรือเทียบเท่า  120,000 บาท เท่ากับว่าท่านก็จำเป็นต้องยื่นแบบให้สรรพากรแล้วคะ  ส่วนใครที่แต่งงานเเล้วหลักเกณฑ์จะเปลี่ยนไปตรงที่ เกณฑ์รายได้ขั้นต่ำก็จะขยับขึ้นเป็น 220,000 บาทต่อปีหรือ ใช้วิธีการยื่นแบบรวมกันแทนคะ

Freelance ขายของทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ยูทูปเบอร์ต่างๆ

หากรายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป เมื่อรวมรายได้ต่อปีเกินหรือเทียบเท่า  60,000 บาท เท่ากับว่าท่านก็จำเป็นต้องยื่นแบบให้สรรพากรแล้วเช่นกันคะ  ส่วนใครที่แต่งงานเเล้วหลักเกณฑ์จะเปลี่ยนไปตรงที่ เกณฑ์รายได้ขั้นต่ำก็จะขยับขึ้นเป็น 120,000 บาทต่อปีเรียกง่ายๆว่าทั้งเดือนสองคนมีรายได้รวมกัน 1 หมื่นบาท

หากไม่ยื่นแบบภาษีมีผลอย่างไร
หากท่านผู้อ่านรายได้ถึงเกณฑ์ตามข้อกฏหมายกำหนดด้านบนแต่ท่านกับไม่ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา  ตามกฏหมายถือว่ามีทำผิดตามประมวลรัษฎากรมาตรา 35 ว่า “คนที่ไม่ยื่นจะต้องระวางโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท” แต่ส่วนใหญ่ทางสรรพากรจะปรับกันที่ 200 บาทแค่นั้นสำหรับท่านที่ถึงเกณฑ์ยื่นแบบฯจ่ายแค่ค่าปรับอย่างเดียว ส่วนกรณีที่ใครมีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีแต่ไม่เสียทางสรรพากรจะคิดเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนรวมทั้งต้องจ่ายค่าปรับด้วยนั้นเอง

หลักเกณฑ์การเสียภาษี เงินเดือนเท่าไรต้องเสียภาษี

สำหรับหลักเกณฑ์การเสียภาษี นั้นจริงๆแล้วต้องนำ เงินได้สุทธิ ใช้ในการคำนวณการเสียภาษี ส่วนเงินเดือนในแต่ละเดือนเรียกว่า เงินได้พึงประเมินเพราะเราจะต้องหัก ค่าใช้จ่าย และ ค่าลดหย่อน ก่อนถึงจะได้เงินได้สุทธิ โดยมีวิธีคิดดังนี้

หากท่านมีเงินได้สุทธิเกินกว่า 150,000 บาทต่อปี จะต้องเสียภาษี 5%หลังจากนั้น อัตราภาษีจะสูงขึ้นไปตามเงินได้สุทธิที่เพิ่มขึ้นตามรูป ซึ่งอัตราการเสีย ภาษี จะเรียกว่าเป็น อัตราก้าวหน้า หรือหมายความว่า คนมีรายได้มากก็ต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่าคนที่มีรายได้น้อยนั้นเอง โดยมีสูตร หา เงินได้สุทธิ  คือ เงินพึงประเมิน-ค่าใช้จ่าย-ค่าลดหย่อน   สรุปแบบง่ายๆก็คือ ดูเงินเดือนอย่างเดียวไม่ได้เพราะจะต้องพิจารณาจากค่าใช้จ่ายกับค่าลดหย่อนด้วยว่าเราจะนำส่วนต่างๆเหล่านี้ไปใช้สิทธิลดหย่อนตามกฎหมายได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อไปหักลบออกจากเงินได้พึงประเมินแล้วเราถึงจะได้เงินได้สุทธิออกว่า เพื่อดูว่าถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีหรือไม่ หากคิดง่ายๆเงินเดือนประมาณ 26,000 บาทขึ้นไป ต้องเสียภาษี100%

แหล่งที่มา : MoneyGuru